CHOIR from HOME EP.9 : ทำยังไงให้คนฟังเราร้องเพลงจนจบแบบไม่ทรมาน?

ทำอย่างไรให้คนฟังเราร้องเพลงจนจบแบบไม่ทรมาน? มีหลักวิธีการอยู่ 3 ข้อด้วยกัน คือ

1.ร้องถูกต้องหรือไม่?

ซึ่งสามารถแยกออกมาเป็นข้อๆได้ดังนี้

1.1 ร้องโน้ตถูกหรือไม่ หูดี ไม่เพี้ยน กรณีหูไม่ดีต้องไปพบแพทย์ แต่หากฟังเสียงออก แต่ไม่สามารถผลิตเสียงนั้นๆออกมาได้ ต้องผ่านการฝึกฝน ซึ่งโดยปกติแล้ว จำนวนคนร้องเพลงเพี้ยนบนโลก มีอยู่แค่ 4% จากประชากรทั้งหมด

1.2 ร้องจังหวะถูกต้องหรือไม่ ซึ่งปัญหาปกติทั่วไปที่เรามักจะเจอ ก็คือ ร้องไม่ตรงจังหวะ ร้องคร่อมจังหวะ ขึ้นเพลงไม่ตรงตามจังหวะ ซึ่งวิธีแก้ปัญหาเรื่องจังหวะ คือการหมั่นฝึกฝน และพยายามที่จะจับชีพจรของจังหวะเพลงให้ได้

1.3 คีย์ที่เราถนัด ซึ่งการร้องเพลงเราต้องหาคีย์ที่เหมาะกับเรา เพราะเราไม่จำเป็นต้องร้องคีย์ต้นฉบับ เพราะเนื้อเสียง เรนจ์เสียงของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน เราจึงต้องหาคีย์ที่ใช่สำหรับเรา
1.4 อักขระภาษาที่ถูกต้องชัดเจน วรรณยุกต์ คำเปิด คำปิด ชัดเจนหรือไม่ เพราะการร้องเพลงแต่ละภาษานั้น เราต้องคำนึงด้วยว่า เราออกคำ ภาษาชัดเจนหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ แต่ละภาษานั้นล้วนมีเอกลักษณ์การออกเสียงเฉพาะตัว


2.ร้องไพเราะหรือไม่?

ซึ่งสามารถอธิบายเป็นข้อๆได้ดังนี้

2.1 น้ำเสียงและสีของเสียง ซึ่งเสียงของเราอาจจะมี เสียงแหบ เสียงคร่า เสียงขึ้นจมูก เสียงเครือ ซึ่งปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ด้วยการฝึกฝน และประสบการณ์ หากเรามีประสบการณ์มากเท่าไหร่ เราก็จะพัฒนาได้มากขึ้นเท่านั้น

2.2 การแบ่งวรรคและการหายใจ หมายถึงการที่เราสามารถแบ่งวรรคของเพลงได้ถูกต้องชัดเจน แบ่งวรรคเป็นประโยคถูกต้อง และหายใจได้ถูกที่

2.3 เทคนิคที่ใช้ในการคุมเสียง ซึ่งแต่ละแนวเพลงก็ใช้เทคนิคและวิธีร้องที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นควรศึกษาให้ดีว่าเราจะเลือกวิธีแบบไหนที่จะร้องเพลงนั้น

2.4 อารมณ์ของบทเพลงที่มีชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ในหนึ่งเพลงไม่จำเป็นต้องมีอารมณ์เดียวเสมอไป เราควรนำเนื้อเพลงมาตีความให้แตกก่อนในบทเพลงนั้นๆ มีอารมณ์และความรู้สึกอะไรอยู่บ้าง และนำมาเสนอในแบบที่เป็นตัวของเรา


3.ร้องมีเสน่ห์หรือไม่?

ซึ่งจะอยู่นอกเหนือจากคำว่าถูกต้องและปั้นเสียง ซึ่งสามารถอธิบายเป็นข้อๆได้ดังนี้

3.1 ใบหน้าและอวัจนภาษา (ภาษากาย) ซึ่งภาษากายเป็นสิ่งสำคัญ การใช้มือ ตัวไม่เกร็ง ใบหน้าที่ไม่เกร็ง การเปิดใบหน้าการที่เราควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าได้ดี ทำให้เราดูเป็นธรรมชาติ

3.2 เอกลักษณ์หรือสไตล์เฉพาะตัว นั่นก็หมายถึงความเป็นตัวเราเอง ซึ่งเราคงไม่อยากที่จะเลียนแบบนักร้องคนอื่นๆ ความเป็นตัวของตัวเอง ถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ชัดเจน และถ่ายทอดบทเพลงนั้นๆในแบบตัวของเรา

3.3 วิธีการนำเสนอบนเวที หมายถึง การเตรียมความพร้อมด้านเสื้อผ้าหน้าผม หรืออุปกรณ์ช่วยในการแสดงบนเวที และBlockingหรือPostureในการยืน จุดที่เราจะยืนเวที รวมถึงการจับไมค์ ตำแหน่งการยืนที่ถูกต้อง และการใช้พื้นที่บนเวทีในการแสดง สิ่งเหล่านี้ล้วนอาศัยประสบการณ์ วิธีการดำเนินเรื่อง หรือการเล่าเรื่องราว การเล่าเรื่องของบทเพลงนั้นๆ ซึ่งในแต่ละบทเพลงจะมีจุด Climax จุดคลายปม ซึ่งล้วนเป็นเสน่ห์ที่มีอยู่ในบทเพลงแต่ละบทเพลง ซึ่งเราจะทำอย่างไรให้สามารถดำเนินเรื่องได้ประทับใจคนดู และสุดท้ายการวางตัวในตอนขึ้นบทเพลง กลางเพลงที่ดนตรีและตอนจบของบทเพลง ว่าเราจะทำอะไรในเวลานั้นๆ จะยืนเฉยๆ หรือมีการใส่ท่าทางหรืออารมณ์ร่วมเข้าไป ให้เพลงมีเรื่องราว

3.4 ดวงตา ซึ่งเสน่ห์ของดวงตานั้น นั่นคือการสื่อสารโดยใช้ดวงตา เรามีปฏิสัมพันธ์กับคนดูมากน้อยแค่ไหน เมื่อมองดูคนดูแล้ว ให้มองให้ลึกถึงดวงใจของคนดูผ่านทางดวงตา และสุดท้ายคือพลังที่เราส่งผ่านดวงตาถึงคนดู ว่าเราส่งอารมณ์และเรื่องราวของเพลงผ่านดวงตาไปอย่างไรบ้าง

และนี่ก็คือทั้งหมดของ การร้องเพลงอย่างไรให้คนฟังเราจนจบ ซึ่งมีหลายอย่างที่คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้กันดู เพื่อความเป็นมืออาชีพของคุณ